นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

“บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จํากัด” รวมถึงบริษัทในเครือ กิจการร่วมค้าและหน่วยธุรกิจทั้งหมด ซึ่งในที่นี้รวมเรียกว่า (“บริษัท”, “เรา”) ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้กำหนดวิธีการรวบรวม, ใช้, เปิดเผย และจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูล”) ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ หรือผ่านตัวบุคคล 

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ใช้กับลูกค้า ตัวแทนผู้ขาย ผู้ขาย ผู้จัดหาสินค้า คู่ค้าทางธุรกิจ คู่สัญญา ผู้ให้บริการ รวมถึงตัวแทนและผู้ที่เข้ามาในสำนักงานของบริษัท ซึ่งในที่นี้รวมเรียกว่า (“ท่าน”, “เจ้าของข้อมูล”) 

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใดๆที่ระบุไปถึงเจ้าของข้อมูลได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ รูปภาพโปรไฟล์ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ (IP Address) พฤติกรรมการซื้อของ การเลือกของ และข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น

ภาพรวมนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ประกอบด้วยหัวข้อดังต่อไปนี้ : 

  • บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้าง 
  • วิธีที่บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 
  • วิธีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 
  • บริษัทแบ่งปันและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลประเภทใดบ้าง 
  • บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานเท่าใด 
  • สิทธิและวิธีการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  
  • การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 
  • การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ 
  • วิธีติดต่อบริษัท 

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลประเภทใดบ้าง

บริษัทประกอบธุรกิจหลายประเภท ได้แก่ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การค้า การขายอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรมและการให้บริการ การวิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น ซึ่งในการประกอบธุรกิจ การบริการ และกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทนั้นอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้ 

  • ข้อมูลการติดต่อ (รวมถึงชื่อ รหัสไปรษณีย์ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์) 
  • ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ (รวมถึง ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ อีเมลและข้อมูลอื่น ๆ ที่ท่านได้ให้ข้อมูลผ่านบัญชีผู้ใช้นั้น) 
  • ข้อมูลคู่ค้า (รวมถึงเลขประจำตัวประชาชน, ทะเบียนบ้าน, ที่อยู่ และอีเมล) 
  • ข้อมูลที่ท่านให้กับบริษัท ตัวอย่างเช่น ข้อมูลในการกรอกแบบฟอร์ม หรือข้อมูลระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือจากการตอบคำถามระหว่างการสนทนา หรือในการทำแบบสำรวจ 
  • ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและการให้บริการของบริษัท 
  • ข้อมูลอื่นใดที่เจ้าของข้อมูลให้เพื่อที่จะเข้าร่วมในการแข่งขัน โปรโมชั่น งานแสดงสินค้า และกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลที่กรอกใน “ ติดต่อเรา” (“Contact Us”) หรือในช่องทางอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน 
  • ข้อมูลที่รวบรวมโดยระบบในคอมพิวเตอร์ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันน รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ (IP Address) ซึ่งข้อมูลประเภทนี้จะถูกรวบรวมในขณะที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ 

บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากหลายแหล่งที่มาของข้อมูล ได้แก่ 

  • แพลตฟอร์มออนไลน์ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านลงทะเบียนบัญชีในระบบอินเทอร์เน็ต (User Account) การทำแบบสำรวจ การประกวด หรือการกรอกข้อมูลเพื่อรับข้อเสนอโปรโมชั่น การกดติดตามเพื่อรับข้อมูลการส่งเสริมการขาย หรือเพื่อเชื่อมต่อกับบริษัท 
  • การโต้ตอบสื่อสารออฟไลน์ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากทางออฟไลน์ เช่น เมื่อท่านเข้ามาในสำนักงานของบริษัท เมื่อมีการติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือเมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือการให้นามบัตร 
  • ในกรณีที่บริษัทเข้าทำสัญญากับท่าน  นอกจากนี้ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง แหล่งข้อมูลที่เปิดเผยแบบสาธารณะ  พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท บุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูล (ยกตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการรายอื่นที่ให้บริการเจ้าของข้อมูล) 

บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 

  • เพื่อจัดหาสินค้าหรือให้บริการแก่ท่าน 
  • เพื่อปรับปรุงมาตรฐานในการสื่อสารและการบริการของบริษัท และเพื่ออำนวยความสะดวกท่านในการใช้สินค้าหรือบริการของบริษัท 
  • เพื่อติดต่อท่านในกรณีที่ท่านได้เข้าร่วมแข่งขัน ประกวด หรือทำแบบสำรวจกับบริษัท 
  • เพื่อตอบหรือทำตามคำร้องขอหรือข้อร้องเรียนของท่าน 
  • เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด เช่น เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการรายงานงบการเงินของบริษัท ที่กำหนดโดยผู้สอบบัญชี และ/หรือหน่วยงานของรัฐ และเพื่อให้ความร่วมมือกับ เจ้าพนักงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล และ/หรือ คำสั่งศาลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดีหรือการสืบสวนในคดี 
  • เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ ซึ่งเกี่ยวข้องและน่าสนใจสำหรับท่าน ซึ่งรวมถึงการกำหนดทิศทางการทำการตลาดเพื่อประโยชน์ของท่าน  
  • เพื่อวิเคราะห์การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท (การโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้า การขาย จำนวนการนัดหมายลูกค้า หรือการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้า) 
  • เพื่อเชิญท่านเข้าร่วมงานหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายที่บริษัทเป็นผู้สนับสนุน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 
  • เพื่อส่งข้อเสนอ รายการส่งเสริมการขาย หรือข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของบริษัท 
  • เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ตามที่บริษัทแจ้งต่อท่านเป็นครั้งคราว เมื่อบริษัทขอความยินยอมท่านเพื่อจัดเก็บข้อมูล 

บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น เมื่อบริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน หรือ ในกรณีที่การประมวลผลนั้นได้รับอนุญาตหรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งรวมถึงเมื่อการประมวลผลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้  (ก) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท (ข) เพื่อป้องกันหรือระงับ อันตรายต่อชีวิตร่างกาย สุขภาพของบุคคล (ค) เพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมาย (ง) เพื่อผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของบริษัท หรือบุคคลอื่นใด โดยบริษัทจะพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ความคาดหมายของพนักงานประกอบกันอย่างสมเหตุสมผล  (ตัวอย่างเช่น การขายธุรกิจหรือทรัพย์สินบางส่วนของบริษัท หรือการทำให้ได้มาซึ่งธุรกิจหรือทรัพย์สินทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัทโดยบุคคลอื่นใด เพื่อป้องกันการฉ้อโกงหรือการกระทำผิดทางอาชญากรรม หรือเพื่อป้องกันการใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทในทางที่ผิด ตราบเท่าที่บริษัทสามารถรักษาความปลอดภัยของระบบไอที สถาปัตยกรรม และระบบเครือข่ายได้อย่างเต็มความสามารถ) 

อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม (Anonymization) เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด โดยไม่ขอความยินยอมจากท่าน 

ประเภทบุคคลที่บริษัทแบ่งปันและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะไม่แบ่งปัน ขาย หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธีการอื่นใดต่อบุคคลภายนอก โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่ มีกฎหมายอนุญาตหรือบังคับให้เปิดเผย ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลนั้นๆ จะต้องเป็นไปเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น  

ในการดำเนินการตามกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทและเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้รับข้อมูล ซึ่งอาจจะตั้งอยู่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตามประเภทของผู้รับข้อมูล ดังที่จะได้กล่าวต่อไปนี้ (ในแต่ละประเภท ให้รวมไปถึงตัวแทน พนักงานและกรรมการของบริษัท) 

  • บริษัทอื่นๆ หรือ หน่วยงานต่างๆ ในกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี เมื่อมีการให้ข้อมูลส่วนบุคคลในบริษัทใดบริษัทหนึ่งในกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี ให้ถือว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลจะต้องดำเนินไปในลักษณะที่สอดคล้องกับกฎระเบียบการโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างกันขององค์กร (Binding Corporate Rules) และสอดคล้องกับแนวทางในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล 
  • ผู้จัดหาสินค้า หรือผู้ให้บริการของบริษัท (เช่น ผู้ให้บริการระบบสารสนเทศ ผู้ให้บริการCloud  ผู้ให้บริการฐานข้อมูล และที่ปรึกษาที่ให้บริการคำสั่งของบริษัท) ในกรณีที่การเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ให้บริการนั้นถือว่าจำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้น 
  • พันธมิตรทางธุรกิจที่ทำเสนอสินค้าหรือบริการร่วมกับบริษัท หรือบริษัทในกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี 
  • บุคคลที่มีแนวโน้มที่จะเข้าควบรวมกิจการ หรือซื้อกิจการ ทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัท  
  • หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายเฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และเพื่อให้ปฏิบัติตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ได้อย่างครบถ้วน 

ในกรณีที่บริษัทเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลใดๆ นอกเหนือจากในกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี บริษัทจะทำข้อตกลงกับบุคคลภายนอก เพื่อกำหนดภาระหน้าที่ของแต่ละฝ่ายในการปกป้องข้อมูลจากการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่เจตนา เพื่อกำหนดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล การเปิดเผยข้อมูล ความเสียหาย สูญหาย หรือถูกทำลายของข้อมูล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าใด

แนวทางปฏิบัติของกลุ่มบริษัทเอ็มคิวดีซี บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เท่าที่จำเป็นเพื่อทำตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งไว้ ณ ขณะเก็บข้อมูล หรือตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นๆ กำหนด

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมตารางเวลาที่ระบุระยะเวลาการเก็บรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบและออกจากการบันทึกของบริษัทและ/หรือทำตามกระบวนการที่ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

สิทธิและวิธีการใช้สิทธิของท่าน

ภายใต้พระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562  ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้ 

  1. สิทธิในการรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล และรับข้อมูลอื่น ๆ เช่น วิธีการที่บริษัทรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเหตุผลที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยทั่วไปท่านจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ 
  2. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรือทำมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับท่าน 
  3. สิทธิในการขอลบข้อมูล ทำลายข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ 
  4. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 
  5. สิทธิในการโอนหรือขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่น ตราบเท่าที่พื้นฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นกำหนดอำนาจให้ดำเนินการได้ หรือจำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับท่าน และการประมวลผลสามารถดำเนินการได้โดยวิธีอัตโนมัติ 
  6. สิทธิในการโต้แย้งคัดค้านการดำเนินการใด ๆ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือพื้นฐานทางกฎหมายอื่น ๆ 
  7. สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านสามารถถอนความยินยอมที่เคยให้ไว้กับบริษัทในเวลาใดก็ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทอาจดำเนินการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมายอื่น 

หากท่านต้องการใช้สิทธิของท่าน สอบถามข้อสักถาม หรือร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ท่านสามารถกรอกแบบฟอร์มได้ที่ https://www.dtgo.com หรือไปที่  dpo@dtgo.com   และ บริษัทอาจขอให้ท่านระบุตัวตนของท่านก่อนที่บริษัทจะให้บริการตามคำขอ บริษัทจะดำเนินการตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรทางอีเมลทันทีที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ภายใน 30 วันหลังจากที่บริษัทได้รับคำร้องขอ พร้อมข้อมูลประกอบที่ชัดเจนและเพียงพอจากท่าน 

อย่างไรก็ตาม ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทมีสิทธิที่จะปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ในกรณีที่การใช้สิทธิดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนด หรือ หากทำตามสิทธิของพนักงานอาจจะกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น 

ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล เมื่อบริษัทปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน และท่านเห็นว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลสมควร หรือเมื่อบริษัทไม่ได้ตอบรับคำร้องขอท่านภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทได้จัดเตรียมมาตราการรักษาความปลอดภัยทั้งทางกายภาพและทางเทคนิคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลจากการประมวลผลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ป้องกันการทำลาย การสูญหาย เสียหายหรือการเปลี่ยนแปลงแก้ไข โดยอุบัติเหตุหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังรวมถึงป้องกันการใช้ การเปิดเผย หรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น  จำกัดกลุ่มบุคคลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล  จำกัดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ กำหนดมาตรการทางวินัยกรณีมีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ชอบ เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท

บริษัทขอสงวนสิทธิในการปรับปรุงนโยบายนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดตามที่เห็นสมควร รวมถึงในกรณีที่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบายของรัฐบาล กฎ ระเบียบ และข้อผูกพันอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน  เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงๆ ใดจะถูกประกาศในเว็บไซต์ของบริษัทที่  https://www.dtgo.com โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ประกาศนโยบายฉบับใหม่  

ท่านติดต่อบริษัทได้อย่างไร

“บริษัท” ถือว่าเป็นผู้ควบคุมข้อมูลภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากท่านมีคำถามใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้ 

เรียน: ฝ่ายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

ที่อยู่: บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จํากัด   เลขที่ 695 ถนนสุขุมวิท 50 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10260 

อีเมล: dpo@dtgo.com 

โทรศัพท์:02-742-9141